เครื่องตากปลา สานฝัน สู่อาชีพ
โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี (บ้านวังกะ) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผ่านการเรียนรู้สู่อาชีพ ตามบริบทของท้องถิ่น ซึ่งสังขละบุรีเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นดินแดนสามวัฒนธรรม เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์
อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านใน อำเภอสังขละบุรี คือ การประมง เกษตรกร และค้าขาย ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะทำการประมงขนาดเล็ก ซึ่งปลาส่วนใหญ่ที่ได้มักจะเป็นปลาสร้อย และนำปลาที่ได้มาแปรรูปเป็นปลาแดดแดดเดียว เป็นการถนอมอาหาร โดยนำมาผ่าหลัง ตากแห้ง เก็บได้นาน กินง่าย นำมาทอดกินได้ทั้งตัว ประกอบอาหารได้หลากหลาย และสามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว ปลาสร้อยแดดเดียวถือเป็นสินค้า OTOP ของอำเภอสังขละบุรี แต่
เนื่องจากสภาพอากาศบางฤดูกาลไม่เอื้อต่อการทำการแปรรูปปลาสร้อยแดดเดียว จึงทำให้ชาวบ้านประสบปัญหากับการทำปลาสร้อยแดดเดียวไม่ได้คุณภาพตามต้องการ มีกลิ่นเหม็น หากความร้อนจากแดดไม่เพียงพอ อีกทั้งยังปนเปื้อนจุลินทรีย์และเชื้อโรค มลพิษ ฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ และหากระยะเวลาในการผลิตปลาสร้อยแดดเดียวแต่ละครั้งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน จึงทำให้ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว อีกทั้งชาวบ้านมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะซื้อเครื่องอบแห้งมาใช้ เนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง และเป็นการประกอบธุรกิจขนาดย่อมเท่านั้น
ดังนั้น โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี (บ้างวังกะ) จึงส่งเสริม สนับสนุน ให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และคิดประดิษฐ์ต่อยอดสิ่งประดิษฐ์เครื่องตากปลา สานฝัน สู่อาชีพขึ้น โดยใช้หลักการอบให้ความร้อนจากหลอดไฟใส ขนาด 100W สามารถทำความร้อนและควบคุมความร้อน ที่อุณหภูมิ 55-60 องศาเซลเซียส และควบคุมความชื้นได้อัตโนมัติ ปลาแดดเดียวที่ได้ก็จะมีคุณภาพ แห้งตามความต้องการ ตัวปลาไม่หงิกงอ สามารถควบคุมคุณภาพได้ สะอาด และยังประหยัดไฟกว่าตัวให้ความร้อนชนิดอื่นๆ และสามารถผลิตปลาสร้อยแดดเดียวได้ทุกที่ทุกเวลาต่อยอดไปสร้างอาชีพให้กับนักเรียนในโรงเรียนตามนโยบายของโรงเรียนที่ส่งเสริมอาชีพให้กับนักเรียน นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้อบเนื้อหมู เนื้อวัวแดดเดียวและผลได้ต่างๆได้ และตัวเครื่องมีราคาต้นทุนการผลิตค่อนข้างต่ำ เพราะทำจากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียนและที่มีในท้องถิ่นของตนเอง นำไปต่อยอดไปสร้างอาชีพให้กับนักเรียนในโรงเรียนและผู้ปกครองได้